วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

วิชาภาษาไทยชวนรู้

"คำควบแท้" และ "ควบไม่แท้"
อันที่จริงภาษาไทยในฐานะภาษาคำโดดไม่น่าจะมีอักษรควบกล้ำ แต่ในภาษามาตรฐานปัจจุบันนั้นก็มีอยู่ ทั้งๆ ที่ในภาษาไทยถิ่นบางถิ่นนั้นก็ไม่มีเสียงควบกล้ำดังว่า ในแง่ของรูปการเขียนแม้จะมีพยัญชนะต้น 2 ตัวเคียงคู่กัน แต่ในแง่ของการอ่านเรากลับอ่านได้ 2 อย่างคือ อ่านอย่าง “ควบแท้” กับ “ควบไม่แท้”
คำที่มีอักษรควบกล้ำชนิดที่เรียกว่า “อักษรควบแท้” นั้น แม้จะมีไม่มาก แต่ก็เป็นคำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จนเป็นความเคยชิน ตัวอย่างเช่น
                    กรด       กลด        ขริบ       ขลิบ
                    ครอก     คลอก      ตราด      ประ
                    ปละ       ผลาญ      พริก       พลิก

ขอให้สังเกตว่า คำควบกล้ำของไทยมีขอบเขตจำกัด ในทางภาษาศาสตร์อาจจะกล่าวได้ว่า เสียงที่จะนำหน้าได้นั้นต้องเป็นเสียงแข็ง อย่าง [p t k] เท่านั้น สำหรับภาษาไทย ก็รวมทั้งเสียงที่มีลมตามออกมาด้วย ดังนี้

* [p] ป
* [ph] พ (ผ ภ)
* [t] ต (ฏ)
* [th] ท (ฐ ฑ ฒ ถ ธ)
* [k] ก
* [kh] ค (ข ฃ ฅ ฆ)

(พยัญชนะที่อยู่ในวงเล็บคือพยัญชนะที่มีวิธีการออกเสียงอย่างเดียวกันกับพยัญชนะที่อยู่นอกวงเล็บ)
เมื่อพิจารณาดูคำควบแท้ในภาษาไทยก็จะเห็นได้ว่า พยัญชนะที่อยู่ในวงเล็บมีคำควบกล้ำน้อยกว่าหรือไม่มีเลย ดังนี้

* [pr] ประ, [pl] ปละ, [phr] พริก, [phl] พลิก ผลาญ
* [tr] ตราด, [tl] -, [thr] -, [thl] -,
* [kr] กรด, [kl] กลด, [khr] ขริบ ครอก, [khl] ขลิบ คลอก
ขอให้สังเกตว่า ภาษาไทยมีเสียงควบแท้ [tr] แต่ไม่มี [tl] ดังจะเห็นได้ว่า คำว่า “ตราด” เราออกเสียงควบกล้ำ แต่คำว่า “ตลาด” เราอ่านแยกเรียงพยางค์ ส่วนเสียง [thr] นั้น แต่เดิมโดนแปลงเสียงเป็น [s] หรือ [ซ] เช่น ทราย ทรุดโทรม ฯลฯ กลายเป็นคำในกลุ่มปิดกลุ่มหนึ่งของภาษาไทย ในปัจจุบันเมื่อเริ่มรับเสียงจากภาษาอังกฤษจึงเกิดเสียงควบกล้ำใหม่ เช่น ทรอย (Troy) ทริป (trip) แต่ก็ยังไม่มีเสียงควบกล้ำ [thl]
คำที่มีเสียงควบแท้ทำท่าว่าจะเป็นคำในกลุ่มปิด เพราะมีสมาชิกจำกัด แต่แล้วอิทธิพลของเสียงจากภาษาอังกฤษก็ทำให้เกิดเสียงควบแท้เสียงใหม่ๆ ขึ้นมาอีก 5 เสียง คือ

* [dr] ดราฟต์ (draft)
* [br] บรอนซ์ (bronze)
* [bl] บล็อก (block)
* [fr] ฟรี (free)
* [fl] ฟลุก (fluke)

คำในกลุ่มนี้จึงกลายเป็นกลุ่มเปิด แต่เปิดในขอบเขตจำกัด เพราะยังมีเสียงควบกล้ำแบบควบแท้อีกมากมายที่คนไทยออกเสียงไม่ถนัด ไม่ว่าจะเป็นคำจากภาษาบาลีสันสกฤต เขมร หรือภาษาอังกฤษก็ตาม เช่น

* เชรา [เชฺรา] (ภาษาเขมร แปลว่า ซอกผา, ห้วย)
* ศฤงคาร [สิงคาน, สะหฺริงคาน] (ภาษาสันสกฤต แปลว่า ความใคร่)
* สแลง (จากภาษาอังกฤษว่า slang)

ขอให้สังเกตว่า คนไทยไม่สามารถจะออกเสียง ช ช้าง ควบกับ ร เรือ ได้ ในกรณีของ “ศฤ” หรือ “สร” ก็ไม่สามารถจะควบกล้ำได้ ต้องใช้วิธีตัดเสียงหรือแทรกเสียงอะ ส่วนเสียง [sl] นั้น คนไทยก็ควบกล้ำไม่ได้ ต้องแทรกเสียงอะ เช่นกัน
ในขณะที่คำควบกล้ำแท้มีลักษณะทั้งปิดและเปิด แต่คำควบกล้ำไม่แท้น่าจะเป็นกลุ่มปิด เพราะมีคำเพียงไม่กี่คำที่อยู่ในกลุ่มนี้ และแทบจะไม่มีคำเพิ่ม เช่น

                    จริง      ไซร้      ศรัทธา     ศรี
                    เศร้า     สรง      สรวง       สรวม
                    สรวย     สรวล    สร้อย       สระ(น้ำ)
                    สร้าง     เสริม
  

คำเหล่านี้ล้วนแต่อ่านออกเสียงโดยไม่มีเสียง ร เรือ ควบ ทั้งสิ้น คำในกลุ่มนี้นอกจากจะไม่มีสมาชิกเพิ่มแล้ว ในปัจจุบันยังเกิดปรากฏการณ์ 2 อย่าง คือ อย่างแรก มีผู้ตัดตัว ร เรือ ทิ้งไป เพราะเห็นว่าไม่ได้ออกเสียงแล้ว เช่น เขียน “จริง” เป็น “จิง” เช่นเดียวกับที่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันเปลี่ยนรูปการเขียนจาก through เป็น thru อย่างที่สอง บางคนก็เพิ่มเสียงอะลงไป เช่น อ่านคำ “แม่สรวย” เป็น [แม่-สะ-รวย]
ฉะนั้น หากจะเกิดคำใหม่ในภาษาก็น่าจะเกิดขึ้นในกลุ่มควบแท้มากกว่าควบไม่แท้ ถึงแม้ว่าลักษณะควบแท้ของไทยจะมีข้อจำกัดก็ตาม
 


ที่มาข้อมูล : รศ. ดร.นิตยา กาญจนะวรรณ
ราชบัณฑิตยสถาน

ohhwilaiphan@gmail.com
 

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

Excel

17 มีนาคม 2555

เรียนรู้การใช้งาน Excel

การปรับความกว้างและความสูงของ cell

  1. ถ้าต้องการขยายความสูงของแต่ละแถว ให้นำเคอร์เซอร์ไปวางไว้ที่เส้นขอบล่้างของแถวที่ต้องการขยาย เมื่อเคอร์เซอร์เปลี่ยนรูปร่างเป็นลูกศร 2 หัว เหมือนในวงกลมสีแดงในภาพ ให้กดเมาส์ค้างไว้ แล้วลากลงมา
  2. ถ้าต้องการขยายความกว้างหรือ ลดความกว้างของคอร์ลัมน์ แต่ละคอร์ลัมน์ ให้นำเคอร์เซอร์ ไปวางไว้ที่เส้นขอบ ของคอร์ลัมน์ที่ต้องการขยาย เมื่อเคอร์เซอร์เปลี่ยนรูปร่างเป็นลูกศร 2 หัว เหมือนในวงกลมสีแดงในภาพ ให้กดเมาส์ค้างไว้ แล้วลากไปทางซ้ายหรือทางขวา ได้ตามต้องการ
    ถ้าใน ช่อง Cell มีลักษณะ ##### แสดงว่า ความกว้างของ ช่อง Cell น้อยไป ต้องขายออกจึงจะเห็นข้อมูลได้
  3. ถ้าต้องการขยายหรือหดความกว้างของ คอร์ลัมน์ ให้เท่ากันทุกคอร์ลัมน์ สามารถทำได้ ดังนี้
    1. นำเคอร์เซอร์ไปวางไว้ที่ช่องมุมซ้ายด้านบน เมื่อเคอร์เปลี่ยนเป็นรูปกากบาท ให้คลิก จะเห็นว่า Sheet ทั้ง Sheet ถูกเลือกทั้งหมด
    2. จากนั้นจึงนำเคอร์เซอร์ไปวางไว้ที่เส้นคั่นระหว่างคอร์ลัมน์ เมื่อเคอร์เซอร์เปลี่ยนเป็นรูปลูกศรสองทาง ให้กดเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปทางซ้ายหรือขวาตามต้องการ
    3. ความกว้างของทุก Column จะเปลี่ยนไป และเท่ากันทุก Column
      การลบคอร์ลัมน์ และแถว การเพิ่มคอร์ลัมน์ การเพิ่มแถว หรือ Rows
      เราสามารถลบ คอร์ลัมน์ทั้งคอร์ลัมน์ หรือ ลบแถวทั้งแถวได้ สมมติว่าต้องการลบ คอร์ลัมน์ C และ D มีวิธีการ ดังนี้
      1. คลิกที่ชื่อ คอร์ลัมน์ C กดเมาส์ค้างไว้ สังเกตเคอร์เซอร์ จะเปลี่ยนเป็นรูปลูกศร ชี้ลง แล้วลากไปที่ คอร์ลัมน์ D
      2. จะเกิดแถบสว่าง ดังภาพ
      3. ไปที่เมนู Edit > Delete
      4. คลิกที่ cell อื่น ไป 1 ครั้ง
      5. การลบแถว ก็ทำในทำนองเดียวกัน เพียงแต่มาเลือกชื่อแถว คือตรงบริเวณ หมายเลขแถวที่ต้องการลบ
      6. เมื่อลบไปแล้ว แต่้เปลี่ยนใจไม่ลบ ไห้ไปที่เมนู Edit > Undo Delete หรือคลิกที่รูป บนแถบเครื่องมือ

      บางครั้ง เราอาจต้องการเพิ่ม หรือ แทรก คอร์ลัมน์ ก็สามารถทำได้ โดยข้อมูลจะถูกกันออกไปอีก 1 คอร์ลัมน์ การเพิ่มคอร์ลัมน์ ทำดังนี้
      1. คลิกที่ชื่อของคอร์ลัมน์ จะเกิดแถบสว่างยาวตลอดคอร์ลัมน์
      2. ไปที่เมนู Insert > Columns
      3. คลิก 1 ครั้ง คอร์ลัมน์ใหม่จะแทรกเข้าทางขวาของคอร์ลัมน์ที่ถูกเลือก จากภาพ จะสังเกตเห็นว่า ข้อมูลเดิมถูกย้ายไปอีกคอร์ลัมน์ และชื่อของคอร์ลัมน์ จะยังคงเรียงเหมือนเดิม
      4. คลิกที่ไหนก็ได้ 1 ครั้ง เพื่อลบแถบสว่างออกไป

      การเพิ่ม หรือ แทรก Rows มีวิธีการคล้ายกับการเพิ่ม หรือแทรก columns ซึ่งมีวิธีการ ดังนี้
      1. คลิกที่ชื่อของ rows จะเกิดแถบสว่างยาวตลอดแถว
      2. ไปที่เมนู Insert > Rows แล้วคลิก แถว์ใหม่จะแทรกเหนือแถวที่ถูกเลือก ในภาพจะเห็นข้อมูลถูกกันลงมาเป็นอีกแถวหนึ่ง แต่ชื่อของแถว ยังเหมือนเดิม
      3. คลิกที่ไหนก็ได้ 1 ครั้ง เพื่อลบแถบสว่างออกไป
      4. ข้อควรระวัง การแทรกแถว เป็นการแทรกตลอดแนว ถ้าข้อมูลที่มองไม่เห็นในหน้าจอ แต่อยู่แถวที่จะต้องถูกแทรกออกไป อาจจะทำให้เสียรูปแบบ หรือเกิดแถวว่างก่อนหน้าข้อมูลได้ ดังนั้น ก่อนการแทรกแถวต้องตรวจสอบให้ดีว่า การแทรกแถวจะไม่ทำให้ไปกระทบกับข้อมูลอื่น ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

    1. การกรอกข้อมูลเลขลำดับที่อัตโนมัติ
      Excel มีลักษณะหลายอย่างที่ช่วยการทำงานให้รวมเร็วและสะดวกขึ้น เช่น การกรอกลำดับที่ หากมีการกรอกลำดับที่เรียงกันลงมา 2 ลำดับที่ Excel จะสามารถสร้างต่อให้เองได้ โดยอัตโนมัติ ลองดูวิธีการต่อไปนี้
      การคัดลอก cell และ วาง หรือ paste ใน cell
      1. ที่ตำแหน่ง A1 พิมพ์ หมายเลข 1 แล้วกด Enter
      2. ที่ตำแหน่ง A1 พิมพ์ หมายเลข 2 แล้วกด Enter จะได้ดังภาพ
      3. คลิกที่ตำแหน่ง A1 กดเมาส์ค้างไว้ แล้วลากลงมาที่ตำแหน่ง A2 แล้วปล่อยเมาส์
      4. จะเกิดเส้นสี่เหลี่ยมล้อมรอบตำแหน่ง A1 และ A2 พร้อมกันนี้ จะเห็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ทางมุมล่างด้านขวามือ
      5. นำเคอร์เซอร์ไปไว้ที่ สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มุมล่างด้านขวา เคอร์เซอร์จะเปลี่ยนเป็นรูปกากบาท ดังภาพ
      6. กดเมาส์ค้างไว้ แล้วลากลงมาตรง ๆ จนถึงตำแหน่ง A6
      7. จะเห็นว่าโปรแกรม Excel สร้างหมายเลขให้โดยอัตโนมัติ
      8. การทำงานของ Excel โปรแกรมจะวิเคราะห์ว่า ส่วนที่เลือกก่อนหน้านี้ มีลักษณะอย่างไร และเมื่อลากขยายออกไปแล้ว ควรจะเป็นอย่างไร
      ถ้าเรากรอกเลขอย่างเป็นระบบ โปรแกรม Excel สามารถเติมเลขลำดับถัดไปให้เราได้
      ลองทำดู

      1. พิมพ์หมายเลข 1, 3 และ 5 ในช่อง A5, A6 และ A7
      2. ใช้เมาส์ลากคลุม ทั้ง 3 Cell
      3. ที่มุมล่างด้านขวา กดเมาส์ค้างไว้แล้วลากเพื่อให้โปรแกรม Excel เติมข้อมูลให้โดยอัตโนมัติ
      4. จะเห็นมีเลข 7, 9, 11 ... เกิดขึ้น
      นอกจากนี้ Excel ยังสามารถเติม วัน เดือน ปี ให้่ได้อีกด้วย เพราะ Excel รู้รูปแบบของวันที่ ได้ดี
      รูปแบบ วัน เดือน ปี ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า Regional and Language Options ใน Control Panel ถ้าตั้งภาษาไทยเอาไว้ รูปแบบการพิมพ์วันที่ ก็จะเหมือนที่ใช้กันทั่ว ๆ ไป คือ วัน เดือน ปี พ.ศ. ถ้าเป็น English United States จะมีรูปแบบเป็น เดือน วัน และ ปี ค.ศ.
      ลองทำดู

      1. พิมพ์เดือน ม.ค. ในช่อง B1
      2. ที่มุมล่างด้านขวา กดเมาส์ค้างไว้แล้วลากลงมาตรง ๆ จนถึง B4
      3. เมื่อปล่อยเมาส์ โปรแกรม Excel จะเติมเดือนให้โดยอัตโนมัติ

        เราสามารถคัดลอก หรือ copy เนื้อหาในช่อง cell ได้หลายวิธี วิธีที่สะดวกคือการใช้ icon บน เมนูบาร์ คือ รูป สำหรับคัดลอก และ รูป สำหรับวาง หรือ paste สิ่งที่คัดลอกไว้ ซึ่งมีวิธีการ ดังนี้
        1. พิมพ์ ตัวเลขในช่อง cell ดังภาพข้างล่างนี้
        2. คลิกเมาส์ที่ ช่อง A1 และลาก เพื่อลากแถบสว่าง ให้ครอบคลุมถึงช่อง C2 ดังภาพ
        3. คลิกรูป บนเมนูบาร์ เพื่อคัดลอก สิ่งที่อยู่ใน cell ที่ลากแถบสว่างไว้
        4. จะเกิดเส้นประล้อมรอบบริเวณที่ได้ทำการคัดลอกแล้ว ดังนี้
        5. ถ้าเปลี่ยนใจ ต้องการเอาเส้นประออก ให้กดปุ่ม Esc บนแป้นพิมพ์ เส้นประจะหายไป
        6. ใช้เมาส์คลิกที่ช่อง D1 แล้ว ลากไปให้ครอบคลุมให้เท่ากับบริเวณที่คัดลอก cell ในที่นี้คือ ต้องลากไปถึงช่อง F2 เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ไปทับข้อมูลเก่าที่มีอยู่เดิม
        7. คลิกรูป บนเมนูบาร์ เพื่อวางข้อมูลที่คัดลอกไว้ จะเกิดดังนี้
        8. กดปุ่ม Esc บน แป้นพิมพ์ เพื่อออกจากโหมด คัดลอก เส้นประจะหายไป

โฟโต้ชอป

แต่งหน้าง่ายด้วยโฟโต้ชอป

   1. เปิดรูปที่ต้องการแต่งขึ้นมาค่ะ {ขอใช้รูปSunnyแห่งSNSDนะคะ..}
ชอบซันนี่มากกก แต่ทำไมรูปนี้ เค้าถึง.. น่ากลัว.. งั้นเรามาแต่งให้เค้ากันค่ะ !
อย่าให้รูปเล็กมากนะคะ อย่างรูปนี้ก้อ 440x551 px



2. ทำผิวขาวใสค่ะ กด magic wand tool แล้วเลือกที่หน้าของนางแบบค่ะ

 3. จากนั้นไปที่ Select -> Modify...-> Feather แล้วเลิกให้อยู่ประมาณ 3-5 ขึ้นอยู่กับไซส์รูป
จากนั้นไปที่ Image -> Adjustments -> Brightness/Contrast เลื่อน brightnessให้สูงขึ้นหน่อย

4. ทา eyeshadow กันค่ะ !

การตัดภาพออกจากพื้นหลังง่ายๆ

1.เมื่อเปิดโปรแกรม Photoshop แล้วเปิดไฟล์ภาพที่ต้องการขึ้นมาด้วยคำสั่ง File > Open



2.จากนั้นให้กด Ctrl + Alt + X แล้วหน้า Extract จะปรากฏขึ้นมาค่ะ แล้วให้ไปเลือก Brush Size ให้เหลือ 9 ดังรูปนะคะ



3. จากนั้นให้วาดตามขอบของภาพหรือส่วนที่ต้องการตัดออกมาได้เลยค่ะ ซึ่งจะเห็นเป็นเส้นสีเขียวดังรูปนะคะ



4. แล้วให้คลิกที่เครื่องมือเทสี แล้วไปเทสีที่ส่วนของภาพดังกล่าว ซึ่งจะกลายเป็นสีน้ำเงินดังรูปนะคะ



5. ต่อจากนั้น ให้คลิกที่ปุ่ม preview ดังรูป



6. แล้วกดปุ่ม OK ก็จะได้ภาพ ที่ตัดออกมาแบบเป็นธรรมชาติค่ะ ซึ่งภาพที่ได้ อาจจะต้องมีการปรับเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ขึ้นนะคะ




มีอีกเพียบ เกี่ยวกับการสอนทำโฟโต้ชอป
www.bbberry.net

เทคนิคการเปลี่ยนสีรูปภาพเฉพาะจุด

1.  เปิดรูปภาพที่ต้องการโดยไปที่เมนู File --> Open

2. จากนั้น เลือกเครื่องมือ Quick Selection Tool แล้วนำไปจิ้มบริเวณที่ต้องการเปลี่ยนสี จะมีเส้น Selection ล้อมรอบบริเวณที่ต้องการเอาไว้ (ถ้าไม่มีเครื่องมือ Quick Selection Tool สามารถใช้ Magic Wand Tool แทนได้คะ)

3. เมื่อทำเส้น Selection ล้อมรอบส่วนที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่เมนู Image --> Adjustments --> Hue/Saturation... จากนั้นให้ทำการปรับเปลี่ยนสีที่ช่อง Hue ตามใจชอบ (จากตัวอย่าง ให้ Hue ไป -78 จะได้รูปแอ๊ปเปิ้ลสีแดงคะ ) เมื่อได้สีที่ต้องการแล้ว ให้กด OK เพียงเท่านี้ก็จะได้ผลแอ๊ปเปิ้ล จากสีเขียวเป็นสีแดงแล้วคะ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ลองนำเอาไปประยุกต์ใช้กันนะคะ
ภาพต้นฉบับ
ภาพที่ใช้เทคนิคเปลี่ยนสีรูปเฉพาะจุด

ohhwilaiphan@gmail.com
เลือกสี eye-shadow ที่ต้องการค่ะ ลาก brush ไปตามเปลือกตาบน (แต่ยังไม่ถึงคิ้ว)
ปรับlayerนี้ให้เป็น soft light // opc. = 70%


   5. ปัดแก้มให้คนสวยกันค่ะ ! เลือกสีแดงอมชมพูค่ะ
ใช้ brush หัวโตๆ ระบายลงที่แก้มของนางแบบค่ะ // แล้วปรับlayerให้เป็น Soft light แล้วปรับopcตามชอบ
  

6. เขียน eyeliner ด้วย brush สีดำหัวเล็กๆค่ะ มือนิ่งๆหน่อยน้าา !!


7. แต่งขนตาด้วย brush ขนตาที่โหลดมาค่ะ Download

(คลิกขวา กด saveค่ะ พอโหลดเสร็จdouble clickเลย brushจะเข้าทันที!!)

กดครั้งเดียว แล้วปรับขนาด Edit -> Free Transform... แล้วหมุนๆบิดๆเอา

     8. ใส่ contact lens
ตาโตด้วย brush คอนแทค นี้ค่ะ ! Download

บุ้งเลือกเป็นสีดำนะคะ ใครอยากได้สีไหนก้อลองดูค่ะ
กดที่ตา แล้วใช้ eraser tool ลบส่วนเกินเอานะคะ

ถ้าจะทาสีปากหรือคิ้วเพิ่ม ก้อใช้หลักการเดียวกันกับทาแก้มนะคะ
เสร็จแล้วค่าาา !! ดูรูปเปรียบเทียบ